ดังนั้น การศึกษานั้น ถ้าคนมีความรู้ รู้เพียงคำพูด และ จำมา ก็พูดได้ แต่ไม่เข้าใจว่า คำพูดนั้นหมายถึง อะไร ไม่เข้าใจก็มีเป็นจำนวนมาก แต่บุคคลที่ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เล่าเรียนนั้น ปฏิบัติรู้ แต่เมื่อมีบุคคลใด บุคคลหน่ึงพูดขึ้น สิ่งที่ไม่ได้เรียนนั้นก็รู้ แต่บางบทบางตอนอาจจะมีข้อสงสัยก็ได้ คำว่าสงสัยเป็นทุกข์มั๊ย ไม่ใช่อย่างนั้น คือว่าความสงสัยสิ่งนี้ เราคือไม่รู้…นี่..มันไม่รู้ สิ่งที่นอกตัวไป…เราไม่รู้
กุญแจดอกเอก
21/02/2020ธรรมะหมายถึงตัวบุคคลทุกคน จะเป็นพระเป็นเณรก็เป็นธรรมะ จะเป็นผู้หญิงผู้ชายก็เป็นธรรมะ คำว่าธรรมะก็คือการทำดี การทำดีเป็นกุศลธรรม การทำชั่วก็เป็นธรรมเหมือนกัน เขาเรียกว่าอธรรม อธรรมนี้เป็นการทำไม่ดี ไม่มีระเบียบ ไม่มีวินัยทำไปตามใจชอบผิดถูกก็ไม่รู้จัก ทำไปตามอารมณ์ ไม่ได้ใช้สติปัญญา ไม่มีเหตุผล
รู้อย่างไม่รู้-รู้อย่างผู้รู้
11/02/2020คำว่าสงบนี้หมายความว่าหยุด ไม่่ไปศึกษาอะไรที่ไหนใครจะมาพูดอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องอื่น เรื่องนี้มันจบกัน สงบหมายถึงหยุดการเรียนก็ได้ หยุดการเดินหน้า หยุดการถอยหลัง หยุดการไปการมา ทั้งหมด นี่คือความสงบ เดินไปไหนมาไหนมันก็รู้จักความสงบ มันหมายถึงแค่นี้ แต่เรามักไปสร้างความสงบ และเข้าใจว่าต้องนั่งอย่างนี้ (หลวงพ่อเอามือประสานที่หน้าตัก หลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นท่านพูดต่อไปว่า) นั่นไม่ใช่ความสงบ เราไปสร้างมันขึ้นมา ความสงบมันมีอยู่แล้ว สมมติเอาใกล้ๆ นะ อย่างที่คุณนั่งฟังอยู่เดี๋ยวนี้นี่ เรียกว่าสงบก็ได้ ไม่คิดอะไรใช่ไหม?
จิตหลุดพ้นแล้ว ญาณย่อมมี
11/02/2020รู้แจ้ง รู้จริง รู้จำ รู้จัก
ดังนั้น คนเจริญวิปัสสนานั้น จึง (เป็น) ขั้นปัญญา ไม่ใช่เป็นขั้นทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล, ขั้นปัญญา ขั้นรู้แจ้ง รู้จริงและรู้จริงๆ เรื่องนี้, ไม่ใช่รู้จำ, ไม่ใช่รู้จำ รู้จัก,รู้จำ รู้จักนั้น มันรู้กับ (จาก) เพื่อนพูดให้ฟัง หริือ จำมาจากตำรับตำรา ถ้าเป็นการรู้แจ้ง รู้จริงนั้น รู้ด้วยปัญญา รู้ด้วยญาณทัศนะ เห็นแจ้ง รู้จริง
หน้าที่ต่อสังคมของผู้ปฏิบัติธรรม
11/02/2020(พระพุทธเจ้า) ท่านตรัสว่า ทุกคนต้องการทำงานตามหน้าที่ ถ้าหากคนทุกคนปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่แล้ว แสดงว่าไม่รู้จักสังคมท่านว่า อย่างนั้น ดังนั้น สังคมเนี่ยะ…คนที่ปฏิบัติธรรมะ กับคนที่ไม่ปฏิบัติธรรมะนั้น อาจจะปัญญาไม่เหมือนกัน แต่การปฏิบัติหน้าที่เนี้ยะ…เราจะมองเห็นได้ อย่างที่การเคารพยกย่องกันอย่างนั้นน่ะนะ เรารู้จักกันดีแต่ภายในจิตใตเป็นอีกเรื่องหนึ่ง…
To One That Feels
31/01/2020We have read “To One That Feels” in Thai and appreciated
the direct honest approach of the way Luangpor Teean taught.
The book allows us to understand the simplicity of insight
meditation as it is. It gives us the idea that it is easy and
approachable and can be tried and proved by ourself to
reduce or eliminate suffering. It is all around us, and as a
matter of fact it is the knowledge for humanity discovered
by Lord Buddha.
Then there is a need to share this easy approach to a
universal teaching with our friends worldwide. We have learned
that this book was originally an English-language compilation
and translation, and that it was later translated into Thai and
became one of the most popular and most often reprinted of
the books of Luangpor Teean’s teaching in Thai.
The original English edition was published in Bangkok
in 1984, and a second edition, revised and expanded, was
published in 1993 in the USA. However, no more copies are
available.
So we see this as an opportunity to reprint a third
edition. All of the contents have been kept as in the second
edition, which is regarded by Ven. Bhikkhu Nirodho, the
co-compiler, editor and translator, as the definitive version
of this book. The layout has been modified.
IT RAINS HARD ON A COVERED THING 9
We thank the Luangpor Teean Foundation for granting
us permission to re-publish this book, and all of the working
group and publishing donors. 3,000 copies of this book are
being printed.
As Luangpor Teean said, “Reading the book can only
guide you. To really know, one needs to practice and develop sati”
We do encourage you to find the truth of life and be suffering free
through your own body and mind.
ศรัทธากับหลักพุทธศาสนาที่แท้จริง
31/01/2020ท่านผู้อ่านคงจะคุ้นเคยกับคำว่า “ศรัทธา” ที่เรามีต่อบุคคลอื่นหรือต่อแนวความคิดอันใดอันหนึ่ง และ เคยพบว่ามันมักจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเรามีข้อมูลใหม่เพิ่มเติม แต่สำหรับหลวงพ่อเทียนแล้ว ศรัทธาของท่านเกิดขึ้นเมื่อท่านอายุ ๔๖ ปี ตอนมาเจริญสติ เจริญปัญญา จากคำบอกเล่าของท่านเองว่า “เกิดจากความรู้ความเข้าใจ เกิดจากมันสมอง เกิดมาจากจิตสำนึก เกิดจากสันดาน รู้จักตัวเอง รู้จักจริงๆ เกิดความเชื่อมั่นในการกระทำของตนเอง ศรัทธาก็เกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงบัดนี้”
เรามักบอกใครๆ ว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ชาวไทยส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ แต่หลวงพ่อเทียนกลับพูดว่า “อาตมาจึงกล้ารับรอง ยืนยันว่า ชาวพุทธเข้าใจหลักพุทธศาสนาไม่ถึง ๕ เปอร์เซนต์ เพราะไม่สนใจจะทำลายความหลงผิด” หาอ่านได้ในบทที่ชื่อ หลักพุทธศาสนาที่แท้จริง
คนจริงรู้ของจริง
31/01/2020หนังสือ “คนจริงรู้ของจริง” นี้เคยจัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อคราวที่หลวงพ่อเทียนได้ไปเปิดอบรมการปฏิบัติธรรมที่สำนักทับมิ่งขวัญ จังหวัดเลย เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐ แล้วคณะญาติธรรมผู้สนใจในครั้งนั้นก็ได้จัดพิมพ์เผยแผ่เป็นธรรมทาน แล้วหลังจากนั้นก็ยังไม่ได้จัดพิมพ์อีกเลย คณะมูลนิธิหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ จึงมีดำริจัดพิมพ์ขึ้นอีกครั้ง เพื่อรักษาต้นฉบับและเผยแผ่คำสอน “การปฏิบัติการเจริญสติแบบเคลื่อนไหว” ตามที่หลวงพ่อเทียนได้วางแนวทางเอาไว้ เพื่อผู้ที่สนใจจะได้มีแนวทางการปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์ และเป็นการสนองเจตนารมณ์ของหลวงพ่อที่ต้องการให้ธรรมะที่ท่านค้นพบได้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนทั่วไป
สุดท้าย คณะมูลนิธิหลวงพ่อเทียน ขออนุโมทนาญาติธรรมทุกท่านที่ได้ร่วมทำบุญในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้จนสำเร็จด้วยดี
งานของมนุษย์และวิธีการของท่านผู้รู้
30/01/2020การทำงานเป็นเสมือนลูกกุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จ แต่งานที่จะได้รับผลสำเร็จสูงสุดของชีวิตนั้น คือ “งานทำความรู้สึกตัว” และ “การกระทำทางจิต” ซึ่งท่านหลวงพ่อพันธ์ หรือ “หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ” ได้สอนความจริงเรื่องนี้ตลอด ๒๘ ปีที่ผ่านมา
สำนักฯ วัดสนามใน และ “ทับมิ่งขวัญ” ตระหนักถึงประโยชน์ของการทำงานชนิดนี้มาก จึงได้จัดพิมพ์ธรรมบรรยายเรื่องนี้ของท่าน ออกเผยแผ่
อนึ่ง ใคร่ขอขอบคุณท่านผู้มีจิตศรัทธาบริจาคและร่วมทำ “งานของมนุษย์” ชิ้นนี้ และ ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้เจริญก้าวหน้าในชีวิตการงาน โดยเข้าถึงสภาพจิตใจที่ไม่เป็นทุกข์ รวมทั้งขอตั้งความหวังกับทุกท่านให้ได้เจริญในธรรมเป็นลำดับไป
ลมหายใจสุดท้ายของหลวงพ่อเทียน
24/01/2020หลวงพ่อเทียนสอนเจริญสติตราบลมหายใจสุดท้าย
พระมหาบัวทอง พุทธโฆสโก แห่งทับมิ่งขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดเลย ได้บันทึกเหตุการณ์ในวันแห่งการ “ล่วง” ของพระอาจารย์ (หลวงพ่อเทียน) ไว้ค่อนข้างละเอียด นั่นก็คือ เหตุการณ์ในวันอังคารที่ 13 กันยายน 2531 อันตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำ เดือนสิบ ปีมะโรง ในทางจันทรคติ